วันอังคารที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ธุรกิจเครือข่ายกับวินัยในการทำงาน


คุณภาพของคน คือสิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำธุรกิจ




เผอิญวันนี้ไปพบบทความๆหนึ่ง ซึ่งผมคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับเพื่อนๆ ที่เข้ามาเยี่ยมเยียนบล็อกของผม เป็นมุมมองของนักธุรกิจไทย และเป็นประธานกลุ่มอมตะนคร คือ คุณวิกรม กรมดิษฐ์ ที่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับอุปนิสัย และระเบียบวินัยในการดำเนินชีวิตของคนไทย ซึ่งจะต้องได้รับการปรับปรุงอย่างเร่งด่วน

ไม่ว่าเพื่อนๆจะทำธุรกิจการค้าหรือเป็นพนักงานประจำ จะทำธุรกิจเครือข่ายขายตรง หรือธุรกิจปกติ ทำธุรกิจออนไลน์ หรือ ออฟไลน์ก็ตาม ผมว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆอย่างแน่นอน อย่างน้อยก็น่าจะใช้เป็นบรรทัดฐานในการปรับปรุงวิธีคิด วิธีทำงาน ให้ดียิ่งๆขึ้นไปได้

โดยเฉพาะเพื่อนๆที่ทำ ธุรกิจเครือข่ายขายตรง หรือ MLM  ซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายในการเขียนบล๊อกของผม โดยส่วนตัวผมแล้ว ผมคิดว่าการทำ ธุรกิจเครือข่ายขายตรง หรือ MLM ไม่ว่าจะทำเป็นธุรกิจออนไลน์ หรือออฟไลน์ก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ คุณภาพของคนผู้ซึ่งทำธุรกิจนั้นอยู่ ตลอดจนวินัยในการทำงาน เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย

เอาหละครับ สาธยายมาตั้งยาว เราลองมาพิจารณาบทวิจารณ์ของ คุณวิกรม กรมดิษฐ์ ดูเลยก็แล้วกันนะครับ

จุดอ่อนของคนไทย 10 ประการ โดย วิกรม กรมดิษฐ์

1 . คนไทยรู้จักหน้าที่ของตัวเองต่ำมาก โดยเฉพาะ หน้าที่ต่อสังคม เป็นประเภทมือใครยาวสาวได้สาวเอา เกิดเป็น ธุรกิจการเมือง ธุรกิจราชการ ธุรกิจการศึกษา ทำให้ประเทศชาติล้าหลังไปเรื่อยๆ

2. การศึกษายังไม่ทันสมัย คนไทยจะเก่งแต่ภาษาของตัวเอง ทำให้ขาดโอกาสในการแข่งขันกับต่างชาติในเวทีต่างๆ ไม่กล้าแสดงออก ขี้อายไม่มั่นใจในตัวเอง เราจึงตามหลังชาติอื่น จะเห็นว่าคนมีฐานะจะส่งลูกไปเรียนเมืองนอกเพื่อโอกาสที่ดีกว่า

3. มองอนาคตไม่เป็น คนไทยมากกว่า 70% ทำงานแบบไร้อนาคต ทำแบบวันต่อวัน แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปวันๆ น้อยคนนักที่จะทำงานแบบเป็นระบบ เป็นขั้นเป็นตอน มีเป้าหมายในอนาคตที่ชัดเจน

4. ไม่จริงจังในความรับผิดชอบต่อหน้าที่ ทำแบบผักชีโรยหน้าหรือทำด้วยความเกรงใจ ต่างกับคนญี่ปุ่นหรือยุโรปที่จะให้ความสำคัญกับสัญญาหรือข้อตกลงอย่างเคร่งครัด เพราะหมายถึงความเชื่อถือในระยะยาว ปัจจุบันคนไทยถูกลดเครดิตความน่าเชื่อถือด้านนี้ลงเรื่อยๆ

5. การกระจายความเจริญยังไม่เต็มที่ ประชากรประมาณ 60-70% ที่อยู่ห่างไกลจะขาดโอกาสในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของตัวเองและชุมชน ซึ่งเป็นหน้าที่ของภาครัฐที่จะต้องส่งเสริม

6. การบังคับกฎหมายไม่เข้มแข็ง และดำเนินการไม่ต่อเนื่อง ทำงานแบบลูบหน้าปะจมูก ปราบปรามไม่จริงจัง การดำเนินการตามกฎหมายกับผู้มีอำนาจหรือบริวารจะทำแบบเอาตัวรอดไปก่อน ไม่มีมาตรฐาน ต่างกับประเทศที่เจริญแล้ว ข้อนี้กระบวนการยุติธรรมจะต้องปรับปรุง

7. อิจฉาตาร้อน สังคมไทยไม่ค่อยเป็นสุภาพบุรุษ เลี่ยงเป็นศรีธนญชัยยกย่องคนมีอำนาจ มีเงิน โดยไม่สนใจภูมิหลัง โดยเฉพาะคนที่ล้มบนฟูกแล้วไปเกาะผู้มีอำนาจ เอาตัวรอด คนพวกนี้ร้ายยิ่งกว่า ผู้ก่อการร้าย ดีแต่พูด มือไม่พายยังเอาเท้ารานํ้า ทำให้คนดีไม่กล้าเข้ามาเพราะกลัวเปลืองตัว

8. เอ็นจีโอค้านลูกเดียว เอ็นจีโอ บางกลุ่มอิงอยู่กับผลประโยชน์ เอ็นจีโอดีๆก็มี แต่บ้านเรามีน้อย บ่อยครั้งที่ประเทศเราเสียโอกาสอย่างมหาศาลเพราะการค้านอย่างหัวชนฝา เหตุผลจริงๆ ไม่เอามาพูดกัน

9. ยังไม่พร้อมในเวทีโลก การสร้างความน่าเชื่อถือในเวทีการค้าระดับโลกของเรายังขาดทักษะและทีมเวิร์คที่ดี ทำให้สู้ประเทศเล็กๆอย่างสิงคโปร์ไม่ได้

10. เลี้ยงลูกไม่เป็น ปัจจุบันเด็กไทยขาดความอดทน ไม่มีภูมิคุ้มกัน เป็นขี้โรคทางจิตใจ ไม่เข้มแข็ง เพราะเราเลี้ยงลูกแบบไข่ในหิน ไม่สอนให้ลูกช่วยตัวเอง ต่างกับชาติที่เจริญแล้ว เขาจะกระตือรือร้นช่วยตนเองขวนขวาย แสวงหา ค้นหาตัวเอง และเขาจะสอนให้สำนึกรับผิดชอบต่อสังคม





นี่ก็คือ จุดอ่อนของคนไทย ในมุมมองของคุณวิกรม กรมดิษฐ์ ซึ่งเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียง ไม่มีประวิติด่างพร้อย มากด้วยประสบการณ์ เป็นนักธุรกิจหมื่นล้านที่ประสบความสำเร็จ และถ้าพวกเราได้นำคำแนะนำต่างๆเหล่านี้ มาแก้ไขให้เป็นจุดแข็ง ผมว่าพวกเราจะต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน

ก็อย่างที่ผมบอกนะครับว่า การทำธุรกิจเครือข่ายขายตรง หรือ MLMนั้น เราจะต้องทำงานอย่างมีวินัย ทำอย่างต่อเนื่อง มีจุดมุ่งหมายอันมั่นคงแน่นอน ไม่ออกนอกลู่นอกทาง และที่สำคัญ เราต้องหมั่นศึกษาหาความรู้ ตลอดจนหาเทคนิคใหม่ๆมาใช้ในการทำตลาด เพื่อสร้างเครือข่ายให้ใหญ่โต จนสามารถสร้างรายได้ให้เราอย่างยั่งยืน ซึ่งต้องอาศัยคุณภาพของคนล้วนๆ

หวังว่าเพื่อนๆ คงจะได้ประโยชน์จากบทความนี้ไม่มากก็น้อยนะครับ ถ้ามีโอกาส ผมจะนำบทความอันมีประโชน์อื่นๆ มาแชร์ให้เพื่อนๆ ได้ศึกษาเรียนรู้กันต่อไปนะครับ แล้วพบกันใหม่ครับ.....!


ธนชาต ชยะกุลศักดา
Email : takeaction58@gmail.com
Tel. 086-903-7718, 082-529-6925











วันพุธที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2555

เศรษฐีเงินล้านก่อนวัยเบญจเพส


เมื่อหลายวันก่อน ผมได้ไปพบบทความที่น่าสนใจมาก จากเว็บไซด์ของหนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ จึงอยากจะนำมาแชร์ให้กับเพื่อนๆ ที่เข้ามาเยี่ยมเยียนยังบล๊อกของผม เพื่อเป็นกรณีศึกษา

เป็นบทความอันเกี่ยวกับ หนุ่มสาวชาวอเมริกันรุ่นใหม่ ซึ่งนอกจาก มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊คสื่อสังคมออนไลน์ เป็นที่รู้จักโด่งดังไปทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งความร่ำรวยเป็นเศรษฐีพันล้านของเขา ก่อนอายุ 26 ปี แล้ว 


ยังมีหนุ่มสาวอเมริกันที่ เก่งและฉลาดในการทำธุรกิจ สามารถบริหารงานธุรกิจของตน จนสร้างเงินล้านได้ก่อนวัยเบญจเพส อีกหลายคน

ก็อย่างที่ผมได้กล่าวไปแล้วว่า ในปัจจุบันนี้ โลกมีการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นทางด้านสังคม การเมือง ตลอดจนด้านเศรษฐกิจ ดังนั้น ในสมัยรุ่น คุณพ่อ คุณแม่ของเรา คนร่ำรวยกว่าจะทำงาน ทำธุรกิจสร้างฐานะจนได้ชื่อว่า เศรษฐีเงินล้านนั้น จะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 10 – 20 ปี ซี่งต่างจากโลกปัจจุบันเป็นอย่างมาก เพราะเศรษฐีเงินล้านบางท่าน ในปัจจุบันใช้เวลาสร้างฐานะเพียง 2 – 3 ปี ดังบทความที่ผมจะนำเสนอต่อไป

โดย คลิปลิงเกอร์ ดอท คอม ได้เปิดตัวนำเสนอเคล็ดลับของเศรษฐีเงินล้านชาวอเมริกันรุ่นใหม่กลุ่มนี้ หวังให้เยาวชนคนไทยได้เรียนรู้เคล็ดลับกับคำแนะนำ เพื่อไปปรับใช้สร้างอนาคตทางการเงินให้กับตัวเอง

ไมเคิล เดลล์ 


ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเดลล์ คอมพิวเตอร์ ปัจจุบันอายุ 45 เดลล์บอกว่าเขารวยเงินล้านก้อนแรกตั้งแต่อายุเพียง 19 ปี

เดลล์ก่อตั้งบริษัทคอมพิวเตอร์ของเขามาตั้งแต่ปี 2527 ซึ่งเป็นช่วงก่อนเขาจะขอพักการเรียนในมหาวิทยาลัยเทกซัส ด้วยกลยุทธ์ขายตรงทำให้เดลล์สามารถปรับราคาสินค้าต่ำลง และชนะใจลูกค้ามากมาย และด้วยวัยเพียง 24 ปีเขาทำให้เดลล์ คอมพิวเตอร์ มีรายได้ 258 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการคำนวณมูลค่าความรวยของเดลล์อยู่ที่ 1.35 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับคำแนะนำของเดลล์เพื่อคนรุ่นใหม่ ที่อยากรวยเงินล้านก่อนอายุ 25 เหมือนเขานั้น คือ "คุณต้องเป็นคนกระตือรือร้นกับการทำงาน ผมคิดว่ากลุ่มคนมองหาไอเดียยิ่งใหญ่เพื่อทำเงิน ไม่จำเป็นว่าจะประสบความสำเร็จเทียบเท่ากับคนที่พูดและบอกกับตัวเองว่า โอเคเป็นสิ่งที่ฉันชื่นชอบหรือรักที่จะทำจริงๆ และเป็นสิ่งที่ฉันตื่นเต้นกับการทำงานนี้"

แคเธอรีน คุ๊ก

ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ myyearbook.com ตอนนี้มีอายุเพียง 20 ปี รวยเงินล้านก้อนแรกเมื่ออายุแค่ 18 ปี ในปี 2548 แคเธอรีน คุ๊กกับพี่ชาย ช่วยกันจัดทำเว็บไซต์เครือข่ายสังคม ทำหน้าที่เป็นหนังสือรุ่นดิจิทัล ที่มีรูปภาพมากมาย ภาพเพื่อนๆ และสกุลเงินเสมือนจริงที่เรียกว่า "lunch money"  ปัจจุบันเว็บไซต์ของคุ๊กมีสมาชิกถึง 20 ล้านคน ติดอันดับ 25

เว็บไซต์มีผู้เข้าชมมากที่สุดในสหรัฐ เธอแนะนำคนรุ่นใหม่ไว้ว่า "หยุดคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ทำ และทำให้สิ่งนั้นให้เกิดขึ้น เมื่ออายุยังน้อยถือเป็นช่วงเวลาดีที่สุดที่คุณจะเริ่มต้นธุรกิจของตัวเอง ในเมื่อคุณไม่ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่จะต้องรับเมื่ออายุมากขึ้น สิ่งแย่สุดอาจเกิดขึ้นหากล้มเหลวตอนนี้ คือการมีประสบการณ์ครั้งแรกเพื่อเสี่ยงทำธุรกิจครั้งต่อไปให้สำเร็จ" 

ฌอน เบลนิค

ผู้ก่อตั้ง BizChair.com ปัจจุบันอายุ 23 ปี บอกว่าเขารวยเงินล้านก้อนแรกด้วยวัยเพียง 16 ปี และเกือบ 10 ปีที่ผ่านมาเบลนิคทำธุรกิจขายเฟอร์นิเจอร์ทางออนไลน์ แต่เขาเห็นคุณค่าของการศึกษา พยายามเรียนต่อจนเมื่อเร็วๆ นี้เพิ่งจบการศึกษาปริญญาตรีจากสกูล ออฟ บิซิเนส ของอีมอรี ยูนิเวอร์ซิตี

คำแนะนำของเบลนิคเพื่อคนรุ่นใหม่อยากรวยเงินล้านก้อนแรกก่อนอายุ 25 คือ "ไม่สายเกินไปที่จะเริ่มต้น ผมเริ่มต้นเมื่ออายุ 14 ในโลกอินเทอร์เน็ตมีข้อมูลมากมาย ดังนั้นเพียงแค่ทำวิจัยและหาทางใดทางหนึ่งเพื่อทำในสิ่งที่คุณต้องการจะทำ"

เจอร์เมน  กริกส์

ขณะนี้กริกส์มีอายุ 27 ปี จากประวัติของเขาสามารถทำเงินล้านได้ก้อนแรกเมื่ออายุ 23 ปี จากธุรกิจ Hear and Play Music Group โรงเรียนสอนดนตรีผ่านอินเทอร์เน็ต ซึ่งเขาเป็นผู้ก่อตั้งขึ้นมา

แรงบันดาลใจบวกกับการรักการสอนดนตรี ทำให้กริกส์คิดสร้างเว็บไซต์สามารถสอนดนตรี ทั้งเปียโน,กลองและกีตาร์ เป็นการสอนผ่านการฟังผ่านโลกออนไลน์  ปัจจุบันเขามีนักเรียนกว่า 2 ล้านคนขอดาวน์โหลดบทเรียนในแต่ละปี และในอนาคตเขายังมีแผนที่จะก่อตั้งศูนย์เรียนรู้ผ่านเครือข่ายทีวีกับนิตยสารด้วย

ส่วนคำแนะนำของกริกส์ คือ "เข้าใจในอำนาจของการขาย ไม่ใช่แค่สิ่งของ แต่เป็นความคิดและไอเดียของตัวคุณเอง ศึกษาธุรกิจและศึกษากลุ่มคนที่เขาทำมาก่อนคุณ และค้นหากลุ่มคนที่มีความฝันกับแรงบันดาลใจเช่นเดียวกันเหมือนกับคุณ"

แมท มิคกี้วิคซ์

ขณะนี้เขาอายุ 27 ปี ทำสถิติรวยเงินล้านครั้งแรกเมื่ออายุ 22 ปี จากการทำธุรกิจผ่าน 3 เว็บไซต์ ทั้ง Sitepoint.com , 99designs.com และFlippa.com บริษัทของเขาก่อตั้งครั้งแรกในปี 2541 ด้วยความเชื่อที่ว่าอินเทอร์เน็ตสามารถรับฟีดแบ็คจากลูกค้าได้ในทันที อีกทั้งใช้จ่ายไม่ค่อยแพง เพื่อการทดสอบและนำเสนอไอเดียใหม่ๆ

ส่วนเคล็ดลับของมิคกี้วิคซ์ เขาบอกไว้ว่า  "กลุ่มคนที่พูดว่าต้องใช้เงินเพื่อทำเงิน เป็นพวกหาข้ออ้างดูแย่ที่สุดในโลก การสร้างมูลค่าให้ได้มากมายมหาศาลเพื่อคนอื่นๆ ด้วยการหาวิธีช่วยแก้ปัญหาซึ่งยังไม่เคยมีคนอื่นคิดมาก่อน"

จูเลียต บรินดัก

ตอนนี้บรินดักอายุ 21 ปี จากข้อมูลที่ให้ไว้ไม่ได้บอกตรงๆ ว่า สามารถทำเงินล้านได้เมื่ออายุเท่าไหร่ แต่กล่าวเป็นนัยๆ ว่าบริษัทของเธอ MissOandFriends.com มีมูลค่า 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อเธอมีอายุได้ 19 ปี

ปัจจุบันบรินดักมีตำแหน่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง MissOandFriends.com ในอดีตด้วยวัยเพียง 10 ปี บรินดักเริ่มต้นจากการวาดรูปการ์ตูน มีชื่อเรียกกันว่า "cool grils" ซึ่งกลายเป็นตัวการ์ตูนมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่ชื่นชอบของเด็กสาววัยรุ่นในชุมชนออนไลน์ตั้งแต่ปี 2548  ทุกวันนี้บรินดักกำลังมองหากลุ่มนักลงทุน และเตรียมยกระดับเว็บไซต์ของเธอไปสู่สาธารณชนทุกกลุ่ม ขณะเดียวกันเธอศึกษาต่อที่วอชิงตัน ยูนิเวอร์ซิตี ในมลรัฐเซนต์หลุยส์

บรินดักให้เคล็ดลับไว้ว่า "ค้นหาทีมสนับสนุนเข้มแข็งผู้ซึ่งเชื่อมั่นในไอเดียของคุณ หากมีใครบางคนตั้งข้อสงสัยในบริษัทและสิ่งกำลังทำอยู่ คุณก็จำเป็นต้องกำจัดพวกเขาออกไป"

เดวิด โฮเซอร์ + เซียมัค แทกแฮดดอส

ปัจจุบันโฮเซอร์อยู่ในวัย 28 ปี ส่วนแทกฮอดดอส 29 ปี ทั้งคู่สามารถรวยเงินล้านได้ครั้งแรกเมื่ออายุ 24 และ 25 ปี ตามลำดับ สองหนุ่มคู่หูนี้ช่วยกันก่อตั้ง Grasshopper Group บริษัทพัฒนาระบบโทรศัพท์เสมือนจริง (virtual phone system) ซึ่งออกแบบมาเพื่อรองรับความต้องการของผู้ประกอบการโทรไร้สาย

ทั้งโฮเซอร์และแทกฮอดดอสพบกันครั้งแรกที่บ๊อบสัน คอลเลจ จากนั้นร่วมกันก่อตั้ง Grasshopper Group โดยโฮเซอร์เชี่ยวชาญด้านติดตั้งเทคโนโลยี ส่วนแทกฮอดดอสช่วยกรุยทางการทำตลาดกับสร้างยอดขายให้บริษัท

แทกฮอดดอสทิ้งคำแนะนำให้ผู้ประกอบรุ่นใหม่อยากรวยเงินล้านได้เร็วว่า "การศึกษาช่วยขัดเกลาทำให้ความต้องการเป็นผู้ประกอบการที่มีอยู่ในตัวเราฉายแสงออกมา ขอให้มองหาโอกาสการลงทุนใหม่ๆ อยู่เสมอ ทั้งจากสิ่งที่ดูว่างเปล่าไร้ค่าและความท้าทายที่รออยู่ ซึ่งพวกคุณเรียนรู้เป็นประสบการณ์ในชีวิต ความสำเร็จคือการค้นหาวิธีการแก้ปัญหาความท้าทายต่างๆ ซึ่งได้ช่วยเหลือคนอื่นๆ ส่วนเงินเป็นเรื่องตามมาที่หลัง"

คาเมรอน จอห์นสัน

ตอนนี้จอห์นสันอายุ 25 ปี เป็นนักธุรกิจสหรัฐรุ่นใหม่รายสุดท้าย ที่คลิปลิงเกอร์ให้ข้อมูลว่ารวยเงินล้านได้ตั้งแต่ก่อนจบการศึกษาระดับไฮสกูล และตั้งแต่ปี 2541 จนถึงปี 2547 การออกเว็บไซต์มาแล้วกว่า 12 เว็บไซต์ และออกเว็บไซต์ได้ก่อนอายุ 20 ปี

ในอดีตด้วยวัยเพียง 9 ขวบ จอห์นสันเริ่มต้นธุรกิจบริษัทพิมพ์การ์ดอวยพรจากบ้าน จากนั้นในวัย 12 ปีเขาทำเงินได้ 5 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ จากการขายตุ๊กตาของน้องสาวที่รวบรวมเป็นคอลเลคชั่น มีชื่อเรียกว่า "Beanie Baby collection" และจากความนิยมสนใจกลายเป็นสัญลักษณ์ตัวแทนผู้ประกอบการรุ่นใหม่ในญี่ปุ่น จอห์นสันจึงรับเป็นผู้จัดรายการโชว์ให้สถานีโทรทัศน์บีบีซีในปี 2553 มีชื่อรายการว่า "Beat the Boss" ตอนนี้จอห์นสันมุ่งเน้นไปที่การเขียนและเป็นแขกรับเชิญให้ความรู้กับประสบการณ์

สำหรับเคล็ดลับที่จอห์นสันให้ไว้ คือ "นำเสนอตัวคุณออกไป จากนั้นเริ่มต้นทำบางสิ่งบางอย่าง และเริ่มต้นจากอะไรที่เล็กๆ เพื่อสร้างสรรค์มูลค่าให้กับคนอื่นๆ และคุณก็จะได้รับรางวัลเป็นผลตอบแทนกลับคืนมา"


เส้นทางเศรษฐีแห่งโลกปัจจุบันอีกเส้นทางหนึ่ง..!


ธนชาต ชยะกุลศักดา
Email : takeaction58@gmail.com
Tel. 086-903-7718, 082-529-6925
ลงประกาศฟรี

วันศุกร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2555

Terpino กับเส้นทางเศรษฐี



เทอร์ปิโน่|การตลาดแบบเครือข่ายเพื่อกระจายสินค้า 


จากสภาพเศรษฐกิจ และสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทำให้บรรดานักธุรกิจทั้งหลาย จะต้องมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์และกระบวนท่าในการทำธุรกิจใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ และสังคมในโลกปัจจุบัน 




ซึ่งธุรกิจใดที่สามารถปรับตัวได้ทัน ก็จะยืนยงอยู่ได้ ส่วนธุรกิจที่ไม่สามารถปรับตัวได้ทัน ก็อาจจะเกิดการสูญเสียผลกำไร หรือถูกถอดออกจากตลาดไปเลย ก็มีให้เห็นกันอยู่ทั่วไป 


ผมขอยกตัวอย่างให้เพื่อนๆูดูนะครับ อย่างเช่น  ธุรกิจ เทปบันทึกเสียง หรือเทปวีดีโอ ซึ่งปัจจุบัน แทบจะหาไม่ได้แล้ว และอีกธุรกิจหนึ่งครับคือ ธุรกิจเกี่ยวกับฟิมล์ถ่ายภาพ หรือร้านล้างอัดรูป ซึ่งถ้าไม่เปลี่ยนแปลง ในไม่ช้าก็จะอยู่ไม่ได้อย่างแน่นอน 


ในการทำะธุรกิจนั้น เพื่อนๆจะเห็นว่ามันแยกออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆด้วยกัน คือ


1. ภาคการผลิต และการให้บริการ
2. ภาคการจัดจำหน่าย


ธุรกิจภาคการผลิต 

จะเห็นได้ว่า เมื่อ 10 - 20 ปีที่แล้ว ความมั่งคั่งรํ่ารวย จะตกอยู่ภายใต้ภาคการผลิต และการให้บริการ ก็ด้วยการขยายตัวของเมืองที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ความต้องการสินค้าและบริการมีมาก ฉะนั้น ถ้าใครจับทางถูกอยู่ในภาคธุรกิจดังกล่าว ก็จะรํ่ารวยมั่งคั่ง มีเศรษฐีเป็นจำนวนมากที่เกิดจาก ธุรกิจภาคการผลิต และให้บริการ


แต่ในปัจจุบันนี้ สภาพการณ์ต่างๆ เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ด้วยเมื่อก่อนนี้ ความต้องการของตลาดมีมาก ใครต่อใครก็กระโดดเข้าไปในธุรกิจ ภาคการผลิตและบริการ เมื่อต่อมา ถึงยุคปฎิวัติอุตสาหกรรม การผลิตก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงอีกครั้งหนึ่ง 


เพื่อที่จะตอบสนองความต้องการของตลาดที่มีจำนวนมาก แทนที่จะผลิตสินค้าออกมาเป็นชิ้นๆ ก็เปลี่ยนมาใช้ระบบสายพานการผลิต ที่ผลิตสินค้าได้ทีละมากๆ แต่ใช้เวลาน้อย โดยใช้เครื่องจักรและเทคโนโลยีที่ทันสมัย




ด้วยเหตุดังกล่าวทำให้สินค้าล้นตลาด จึงเกิดการแข่งขันอย่างรุนแรงในเรื่องของการกระจายสินค้า ดังนั้นในปัจจุบัน ความมั่งคั่งจึงเริ่มเคลื่อนตัวมาอยู่ในภาคของการกระจายสินค้า หรือช่องทางการจัดจำหน่าย ใครมีเครือข่ายผู้บริโภคมาก โอกาสที่จะมั่งคั่งรำรวยก็มีมากตามไปด้วย ตัวอย่างห้างโลตัส บิกซี 7-eleven ซึ่งแต่ละธุรกิจก็พยายามจะสร้างเครือข่ายผู้บริโภคของตน


เพื่อนๆคงจะเห็นความสำคัญ ของระบบเครือข่ายธุรกิจแล้วใช่ไม๊ครับ ผมจึงอย่างจะแนะนำให้เพื่อนๆ เข้ามาศึกษาดูระบบการตลาดแบบเครือข่าย ซึ่งเป็นช่องทางในการจัดจำหน่ายอีกช่องทางหนึ่ง ดังเช่น โลตัส บิ๊กซี แต่ใช้ทุนต่างกันราวฟ้ากับดิน จึงไม่มีความเสี่ยงแต่อย่างใด



ดังเช่นคำกล่าวของ  Robert T.Kiyosaki  ผู้เขียนหนังสือ "พ่อรวยสอนลูก" อันโด่งดัง ที่ว่า "คนจนดิ้นรนหางานทำเพื่อเงิน แต่คนรวยดิ้นรนเพื่อสร้างเครือข่าย" เห็นไม๊ครับว่า ถ้าเราต้องการที่จะสร้างความรํ่ารวย เราต้องพยายามสร้างเครือข่าย ของเราเอง ดังเช่น Lotus Bic-C แม้กระทั่ง Google Facebook Youtube ก็รํ่ารวยเพราะมีเครือข่ายของตนเอง เช่นกัน


การสร้างเครือข่ายธุรกิจ


สุดท้าย ผมไม่อยากจะพูดอะไรมากไปกว่านี้ เอาเป็นว่า ทุกๆอย่างก็ขึ้นอยู่กับเพื่อนๆแล้วกันนะครับว่า จะเห็นด้วยกับผมหรือเปล่า และถ้าเห็นด้วยก็อยากจะแนะนำธุรกิจเครือข่ายดีๆ ที่ไม่น่าปฎิเสธ ก็ลองศึกษาข้อมูลดูนะครับ เพราะผมอยากให้เพื่อนๆ อยู่ในภาคส่วนที่ง่ายต่อการสร้างความรํ่ารวย...


เทอร์ปิโน่ เส้นทางเศรษฐีแห่งโลกปัจจุบันและอนาคต..!


หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

ธนชาต ชยะกุลศักดา
Tel. 082-529-6925, 086-903-7718



Backlink Lists|Free Backlinks
Text Back Links Exchanges
Text Back Links Exchange
OverShopping Link Exchange
Web Link Exchange
AllNewsSite Link Exchange
backlinks referer

วันอาทิตย์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2555

โปรโมชั่นการขึ้นตำหน่ง ธุรกิจเทอร์ปิโน่/Terpino


สุดยอดโปรโมชั่นประจำเดือน ฉลองเทศกาลสงกรานต์


หาไม่ได้อีกแล้ว ท่านสามารถทำธุรกิจและสร้างรายได้ตลอดชีพ ด้วยการลงทุน 600 บาท เพียงครั้งเดียว จากปกติต้องลงทุน 1,800 บาท

แผนการจ่ายผลตอบแทนสูงสุดในวงการ MLM ตั้งแต่ตำแหน่งเริ่มต้น พร้อมจัดเรียงสายงานแนวดิ่ง และจัดสรรให้ท่านเป็นผู้แนะนำตรงวนรอบไม่จำกัดจำนวน

ห้ามพลาดอย่าช้า หมดเขต 30 เมษายน 55 นี้เท่านั้น

งาน Part time สร้างรายได้ กับ Terpino Network



สวัสดีครับ เพื่อนๆที่เข้ามาเยี่ยมชมบล๊อกของผมทุกท่าน 


วันนี้อยากจะมาพูดคุยกับเพื่อนๆ ในเรื่องธุรกิจเครือข่ายTerpino กับงาน part time ครับ ที่ผมนำเรื่องนี้มาพูดก็เพราะอาจจะเกิดประโยชน์กับคุณบางคนที่กำลังจะหางาน part time ทำเพื่อเป็นอาชีพเสริมสร้างรายได้ให้กับครอบครัวอีกทางหนึ่ง


อาชีพเสริม, งาน part time

ต้องยอมรับนะครับว่า ทุกวันนี้พวกเราทุกคนกำลังเผชิญกับปัญหาทางเศรษฐกิจซึ่งเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว จนเราตั้งตัวแทบจะไม่ทัน ไม่ใช่แต่เฉพาะประเทศไทยนะครับ ประเทศที่กำลังพัฒนาแทบจะทุกประเทศก็กำลังเผชิญอยู่เช่นกัน โดยเฉพาะประเทศที่ต้องนำเข้านํ้ามัน

สำหรับประเทศไทยนั้น ถ้าติดตามข่าวคราวทางเศรษฐกิจ จะเห็นได้ว่าประชากรกว่า 60% ของประเทศ ที่รายได้ไม่พอกับรายจ่าย บางรายเป็นหนี้สินมากมาย จนแทบจะหาทางออกไม่เจอเลย 

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้พวกเราบางคนต้องทำงานมากขึ้น ซึ่งรายได้จากงานประจำที่ทำอยู่อาจจะไม่พอใช้ ต้องหางาน part time มาทำเพื่อสร้างรายได้เพิ่มให้พอกับรายจ่าย

ด้วยเหตุผลข้างต้น ผมอยากจะแนะนำให้เพื่อนๆ ลองหันมาศึกษา ธุรกิจเครือข่าย Terpino ดูนะครับว่าจะเหมาะเป็นงาน part time สำหรับเพื่อนๆบางคนหรือไม่ ซึ่งธุรกิจ Terpino นี้ คุณอาจจะทำเป็นงาน part time เพื่อเพิ่มรายได้ หรืออาจจะทำเป็นธุรกิจสำรองไว้เสมือนยางอะไหล่ในยามจำเป็น จะได้มีรายได้ไว้ใช้จ่ายเมื่อยามฉุกเฉินก็ได้

ที่ผมแนะนำ ธุรกิจเครือข่าย Terpino ให้เป็นหนึ่งทางเลือกกับเพื่อนๆที่กำลังมองหางาน part time เพื่อสร้างรายได้เสริ ก็ด้วยเหตุผลดังนี้ครับ

1.  ธุรกิจเครือข่าย Terpino เป็นธุรกิจที่ลงทุนไม่มาก จึงไม่มีความเสี่ยง 

2  ไม่มีการบังคับเรื่องเงื่อนไขของเวลา จะทำเมื่อไหร่ก็ได้ ทำที่ไหนก็ได้ 
    จึงไม่กระทบกับงานประจำที่กำลังทำอยู่

3.  ทำธุรกิจได้ทั้งระบบออฟไลน์ และ ออนไลน์

4.  การทำธุรกิจเครือข่ายใดๆก็ตาม ระยะแรกๆ รายได้จะยังไม่ได้มากมาย
    จึงเหมาะที่จะทำคู่ไปกับงานประจำก่อน เมื่อเครือข่ายเราเติบโตขึ้น จน
    มีรายได้เข้ามามากพอแล้ว จะมาทำเป็นธุรกิจหลักเลยก็ได้ ซึ่งข้อนี้ผม
    บอกเลยว่า รายได้จะดีกว่าเงินเดือนประจำเป็นอย่างมาก แทบจะเทียบ
    กันไม่ได้เลย




5.  เพื่อนๆ สามารถสร้างรายได้อย่างไร้ขีดจำกัด รายได้ขึ้นอยู่กับความ
     สามารถ และตามการเติบโตของเครือข่าย ซึ่งต่างจากเงินเดือนประ
     จำ ที่มีขีดขั้นเพดานของเงินเดือน ตามตำแหน่งงานของเรา

6.  ธุรกิจเครือข่าย Terpino เปิดโอกาสให้เราเป็นเจ้าของธุรกิจได้ เป็น
     ธุรกิจของเราเอง พูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ เป็นเจ้าของธุรกิจด้วยเงิน
     ลงทุนเพียงนิดเดียว เปิดร้านก๋วยเตี๋ยว ลงทุนมากกว่าครับ

7.  ระบบธุรกิจเครือข่าย เปรียบเสมือนโรงเรียนสอนทำธุรกิจ ซึ่งเพื่อนๆ
     จะได้เรียนรู้ เกี่ยวกับระบบต่างๆในการทำธุรกิจ ซึ่งจะเรียนรู้ได้จาก
     การปฎิบัติงานจริง จากประสบการณ์จริง อันนี้สำคัญมากเลยนะครับ
     ผมเห็นมาเยอะแล้วครับ ทำงานกินเงินเดือน เก็บออม จนมีทุน ออก
     มาทำธุรกิจของตัวเอง เจ๊งไม่เป็นท่าครับ ก็เพราะไม่มีประสบการณ์
     ในการทำธุรกิจมาก่อน ซึ่งการสร้างธุรกิจไม่ใช่ง่ายนะครับ

8.  สำหรับเพื่อนๆ ที่จะทำธุรกิจเครือข่าย Terpino ในระบบออนไลน์ ก็
     สามารถทำได้ 100% และยังได้เรียนรู้การทำธุรกิจทางอินเตอร์เน็ท
     ได้อีกด้วย เพราะเราทำงานเป็นทีม สามารถสอบถาม หรือปรึกษากับ
     เพื่อนๆทุกคนในทีมได้ครับ

ที่ผมได้เขียนมานี้ เป็นแค่เหตุผลเพียงบางส่วนเท่านั้นนะครับ ยังมีข้อดีอีกมากมาย ที่ผมยังไม่ได้กล่าวถึง แต่ที่สำคัญที่สุดที่ผมอยากจะแนะนำเพื่อนๆ ก็คือ ผมอยากให้เพื่อนๆ ได้มีธุรกิจสำรองไว้ในยามฉุกเฉิน ซึ่งเป็นธุรกิจของตัวเอง ผมคิดว่านี่เป็นการดำเนินชีวิตอย่างไม่ประมาท เพื่อนๆว่าจริงไม๊ครับ...

เมื่อยามใดที่เราอาจจะเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจ ตกงาน หมดอาชีพ อย่างน้อยเราก็จะได้มีธุรกิจสำรอง มีรายได้ ไว้ใช้จ่าย สำหรับอนาคตของลูกหลาน ตลอดจนสมาชิกทุกคนในครอบครัว 

และที่หน้าแปลกก็คือ ยามใดที่เศรษฐกิจมีปัญหา ธุรกิจเครือข่ายก็มักจะสวนทาง เติบโตเร็วกว่าเดิมซะอีก จริงๆนะครับ นี่ไงครับ ผมถึงแนะนำ ให้ทำธุรกิจเครือข่าย Terpino เป็นงาน part time ของเพื่อนๆ และควรทำตั้งแต่วันนี้เลยครับ

เพราะเป็นธุรกิจที่เพิ่งเปิดใหม่ มีการจดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น ต่างจากธุรกิจที่บูมมานานแล้ว อย่างกิฟฟารีน หรือ เอมสตาร์ ซึ่งผมไม่ได้ว่า กิฟฟารีน และ เอมสตาร์ไม่ดีนะครับ เพียงแต่รหัสเป็นแสนๆ ทำยากกว่า ธุรกิจ Terpino ซึ่งมีรหัสสมาชิกเพียงหลักพันอย่างแน่นอน โดยเฉพาะทีมของผมนั้น แต่ละวันมีคนสมัครเข้ามาทุกวันเลยครับ ผมพูดจริงๆนะครับ 

ตัดสินใจเถอะครับ ด้วยเงินลงทุนเท่ากับพาครอบครัวออกไปดูหนังเพียงหนึ่งรอบ คุณได้ทั้งธุรกิจ ทั้งโอกาสที่จะก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งความมั่นคงทางการเงินและเวลา หรือถ้ายังไม่แน่ใจก็ลงทะเบียนจองรหัสไว้ก่อนก็ได้..ฟรีครับ ไม่เสียเงิน และถ้าเห็นว่าดี ค่อย Active การขึ้นตำแหน่งในภายหลังก็ได้


เลือกธุรกิจเครือข่าย Terpino เป็นงาน part time เพื่อเป็นการสร้างรายได้เสริม ของคุณตั้งแต่ตอนนี้ซิครับ เพื่อความไม่ประมาท สำหรับตัวคุณเอง และครอบครัว..!


เข้าสู่เส้นทางเศรษฐีกับธุรกิจเครือข่ายเทอร์ปิโน่

เพื่อนผู้หวังดีของคุณ


ธนชาต ชยะกุลศักดา
Email : takeaction58@gmail.com
Tel. 086-903-7718, 082-529-6925

    

วันพฤหัสบดีที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2555

อาชีพเสริมสร้างรายได้กับ Terpino Network


ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณเพื่อนๆทุกคน ที่เข้ามาเยี่ยมชมบล๊อกของผมครับ ซึ่งเป็นบล๊อกที่มีบทความอันเกี่ยวกับการทำธุรกิจเครือข่ายออนไลน์ เทอร์ปิโน่ (Terpino) ซึ่งเหมาะกับคนที่กำลังจะหางาน Part time เพื่อสร้างรายได้เสริม หรือ คนที่ชอบในการทำธุรกิจเครือข่ายอยู่แล้ว และกำลังมองหาธุรกิจเครือข่ายดีๆทำ ไม่ว่าจะทำเป็นธุรกิจส่วนตัว หรือจะทำเป็นอาชีพเสริม เพื่อเพิ่มรายได้ เพื่อเป็นยางอะไหล่ในยามวิกฤตก็ตามที


ธุรกิจเครือข่าย เทอร์ปิโน่/Terpino





เพื่อนๆหลายคนออกตัวกับผมว่า เขาชวนคนให้มาทดลองใช้สินค้าไม่เก่ง พูดไม่เป็น จะทำธุรกิจเครือข่ายได้หรือไม่ ทั้งๆที่เขาอยากจะหารายได้เสริม อยากจะหางาน Part timeทำ เพราะเงินเดือนปัจจุบัน ใช้แทบจะไม่ชนเดือนเลย และเห็นว่าธุรกิจเครือข่ายเป็นธุรกิจที่ดี เขาสามารถทำเป็นอาชีพเสริมได้ เพราะไม่จำกัดเวลาในการทำงาน ไม่กระทบกับงานประจำของตน แต่ก็กลัวเพราะพูดไม่เก่ง ชวนคนไม่เป็น

และจากประสบการณ์ที่ผ่านมา วันนี้ผมจึงอยากจะมาบอกกับเพื่อนๆว่า การทำธุรกิจเครือข่ายให้สำเร็จนั้น มันไม่ได้อยู่ที่การชวนคนเก่งหรือไม่เก่ง แต่มันขึ้นอยู่กับวินัยในการทำธุรกิจมากกว่า 


อีกประการหนึ่งที่สำคัญมากๆ ก็คือ คนส่วนใหญ่ที่เข้ามาทำตามกระแส และไม่เห็นความสำคัญ ตลอดจนความสวยงามของธุรกิจประเภทนี้ หรืออาจจะโดนหลอกมาว่า สมัครแล้วอยู่เฉยๆ ก็จะมีรายได้เสริม เป็นเงินหมื่น เงินแสนต่อเดือน พอไม่ได้เงินจริงก็เลิกกันไป 

ว่าไปแล้ว ธุรกิจเครือข่าย ก็คือธุรกิจของคุณเอง ต่างกับธุรกิจปกติ ก็คือ มันใช้เงินลงทุนไม่มาก คนส่วนใหญ่ จึงไม่ค่อยเห็นความสำคัญของมันครับ พอระยะแรก มีรายได้ไม่มาก ก็เบื่อ แล้วก็ทิ้งมันไป ก็อย่างที่ผมบอกไงครับว่า มันใช้เงินลงทุนไม่มาก เปิดแผงขายก๋วยเตี๋ยวยังใช้ทุนมากกว่าเลยครับ คุณว่าจริงไม๊

คุณลองหลับตาแล้วคิดดูนะครับว่า ถ้ามันเป็นธุรกิจที่ต้องลงทุนเป็นล้าน คุณจะทิ้งมันง่ายๆ หรือเปล่า หรือว่า คุณจะหาวิธี แล้วมาค่อยๆปรับปรุงให้มันดีขึ้น จนไปให้รอด

ดังนั้น การชวนคนไม่เก่ง ก็ไม่เป็นไร ขอให้ทำงานอย่างสมํ่าเสมอ อย่าทำๆ หยุดๆ ผมไม่ได้ให้คุณทำแบบเอาเป็นเอาตายนะครับ ทำไปเรื่อยๆ ค่อยเป็นค่อยไป และที่สำคัญ ต้องคอยศึกษาหาความรู้ใหม่ๆ หรือเทคนิคดีๆมาใช้ในการทำตลาด แล้วผมจะค่อยๆพูดให้ฟังทีหลังครับ


การทำธุรกิจเครือข่ายก็เปรียบเสมือนการปลูกต้นไม้







ส่วนเรื่องรายได้ ผมบอกเลยครับว่า มันจะไม่ได้มาเร็วเหมือนถูกหวย มันจะค่อยเป็นค่อยไป เหมือนรถที่เริ่มจะออกตัว แต่พอมันติดลมแล้ว มันจะเข้ามาอย่างคาดไม่ถึงเลยครับ ที่ผมพูดอย่างนี้ เพราะผมมีเพื่อนที่มีรายได้เดือนละหลายแสนบาท จากธุรกิจเครือข่ายขายตรงครับ แต่เขาก็ไม่ได้ทำเพียง เดือนสองเดือนนะครับ เขาทำเป็นอาชีพ เป็นธุรกิจหลักเลย และอยู่ในวงการนี้มา 10 กว่าปีแล้ว

อิสรภาพทางการเงินและเวลา
ลืมบอกไปครับว่า ปัจจุบันนี้ เขามีบ้านหลังละหลายล้านบาท และรถเบ๊นซ์ 2 คัน เขากับภรรยา เขามาจากพนักงานการไฟฟ้า เงินเดือนๆละประมาณ 8,000 - 9,000 บาท แล้วเข้ามาพบกับธุรกิจเครือข่ายโดยบังเอิญ ใหม่ๆก็ทำเป็นอาชีพเสริม พูดไม่เก่ง ชวนคนก็ไม่เป็น เพราะไม่เคยชวน แต่ทำธุรกิจอย่างสมํ่าเสมอ ไม่เคยย่อท้อ ไม่เคยบ่น แต่พอรายได้มากขึ้นจนอยู่รอดอย่างสบายแล้ว จึงลาออกมาจากพนักงานการไฟฟ้า และไม่เคยกลับไปเป็นลูกจ้างอีกเลย


ถ้าเพื่อนๆสนใจ จะเข้ามาทำธุรกิจเครือข่ายเทอร์ปิโน่ (Terpino) ผมอยากให้คุณตั้งหลักให้ดี มีเป้าหมายที่แน่นอน พร้อมระเบียบวินัยในการทำงานอย่างเคร่งครัด และที่สำคัญให้เวลากับม้นสักปีสองปี ไม่ใช่เดือนสองเดือน 

แล้วเริ่มสร้างเครือข่าย เหมือนเล่นเฟสบุ๊ค เครือข่ายผู้บริโภคนะครับ ไม่ใช่ขายของ ผมไม่แนะนำให้ขายของครับ พยายามหาคนที่คิดเหมือนคุณเข้ามาร่วมอุดมการณ์ทางความคิด และทำงานร่วมกันเป็นทีม ใฝ่หาความรู้อย่างสมํ่าเสมอ ถ้าไม่รู้ก็ถามให้มาก ศึกษาให้มาก ผมรับรองว่าคุณทำได้แน่...!




คราวนี้ก็อยู่ที่การตัดสินใจของคุณว่า สมควรที่จะร่วมธุรกิจกับผมหรือเปล่า ลองใช้วิจารณาญาณอย่างมีเหตุผล ถ้าคิดว่าใช่ อย่ารอช้า อย่าปล่อยให้โอกาสดีๆแบบนี้หลุดลอยไปง่ายๆ 

ถ้ายังไม่แน่ใจ ไม่เป็นไรครับ ลองลงทะเบียนจองรหัสแล้วศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม ฟรี..ครับ ไม่เสียเงิน หรือจะโทรไปพูดคุยกับผมก็ได้ ยินดีเสมอ...! 



แล้วพบกันบนจุดสูงสุดของความสำเร็จ

ธนชาต ชยะกุลศักดา
Email : takeaction58@gmail.com
Tel. 086-903-7718, 082-529-6925









Backlinks Free